Hair Booster เเก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง
Hair Booster คืออะไร?
คือ การนำเลือดของตัวเองมาปั่น เพื่อแยกชั้นของพลาสมา (Plasma) ซึ่งมีลักษณะเป็นสีเหลืองใส ออกมาและในพลาสม่าประกอบด้วยเกล็ดเลือด แพทย์จะสกัดเอาเกล็ดเลือด จากชั้นที่มีความข้มข้น สูงที่สุด มาใช้ในการบำบัดและฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิว เพราะในเกล็ดเลือดชั้นนี้ ประกอบด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด สามารถกระตุ้น Growth Factor ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต มีส่วนช่วยกระตุ้น การสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน กระตุ้นการเติบโต และการแบ่งเซลล์ ของผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูและ ซ่อมแซมผิว พร้อมทั้งช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้นด้วย
เลือดในร่างกายของมนุษย์เรา
ประกอบด้วย พลาสมาเหลว (Plasma) เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red Blood cell) ก็แบ่งออกเป็น 2 ชนิดก็คือ เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Rich Plasma) และเกล็ดเลือดที่ไม่เข้มข้น (Platelet Poor Plasma)
ขั้นตอนการทำ Hair Booster
1. เจาะเลือด จากข้อพับประมาณ 20 cc
2. นำเลือดใส่ใน tube ชนิดพิเศษเเละปั่น เพื่อสกัด ผ่านเครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น เเละมี Growth Factor สูง หรือที่เรียกว่า PRP (Platelet Rich Plasma)
3. เเยกเกล็ดเลือด ที่สมบูรณ์เเละเข้มข้นออกมา (PRP)
4. ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับเข้าไปสู่ส่วนต่างๆ ของใบหน้าหรือในบริเวณที่ต้องการรักษาฟื้นฟู
อาการข้างเคียงหลังทำ Hair Booster
โดยทั่วไปแล้ว การทำ Hair Booster นับเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แทบจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ ที่เป็นอันตรายเลยเนื่องจากไม่ใช่สารสังเคราะห์ แต่เป็นเกล็ดเลือดที่สกัดมาจากเลือด ของผู้ป่วยหรือของลูกค้าเอง ในช่วงแรกที่ฉีด Hair Booster เข้าผิวหนังจะรู้สึกอุ่นๆ ในบริเวณที่ฉีด แต่อาการดังกล่าว จะหายไปภายใน 10-15 นาที ในบางรายอาจมีอาการบวมหรือฟกช้ำเล็กน้อยประมาณ 2-3 วัน แต่โดยทั่วไปมักไม่รุนแรงและจะหายไปเอง ภายในระยะเวลาไม่นาน
เช็คให้ ชัวร์ก่อนฉีด
“เพราะในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ไหนก็เหมือนกัน เมื่อนำเลือดไปทำการปั่นตกตะกอนแล้ว น้ำเหลืองหรือ Plasma ที่ได้มานั้นคือเกล็ดเลือดเข้มข้น (Pure PRP) เสมอ”
แต่ทราบหรือไม่ว่า ?? สิ่งที่ได้ออกมาคือเลือดจะแบ่งตัวออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นน้ำเหลือง ชั้นเกล็ดเลือดเข้มข้น และชั้นเม็ดเลือดแดง ซึ่งเมื่อน้ำชั้นน้ำเหลืองไปตรวจหาปริมาณเกล็ดเลือดแล้วกลับพบว่า “มีปริมาณเกล็ดเลือดเป็น 0” แต่ในขณะที่การใช้หลอดที่ถูกออกแบบมาพิเศษ เพื่อสกัดเกล็ดเลือดเข้มข้น Pure PRP โดยเฉพาะนั้นให้ปริมาณเกล็ดเลือดที่สูงกว่ามาก
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูง หรือ Pure PRP ควรเช็คให้ชัวร์ก่อนว่าสถานที่ ที่เราเข้ารับบริการ ใช้เวชภัณฑ์แบบใด ในการสกัดเกล็ดเลือดเข้มข้น
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Hair Booster อย่างต่อเนื่อง
1. กระตุ้นการสร้างใหม่ของรากผม
2. ป้องกันผมบางจากกรรมพันธุ์และการขาดวิตามิน
3. ช่วยซ่อมแซมรากผม ชะลอการหลุดร่วง
4. ช่วยทำให้ผมเส้นใหญ่ขึ้น
5. ช่วยทำให้ผมหนาเเละเส้นผมเเข็งเเรงมากขึ้น
*หมายเหตุ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังทำ*
การปฏิบัติตัวหลังทำ Hair Booster
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควบคู่ ไปกับการรักษามีข้อควรปฏิบัติหลังจากทำ PRP ดังต่อไปนี้
1. งดล้างหน้า4-6 ชั่วโมงแรก
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2- 3 วัน
3. งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
4. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
5. ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
6. ควรพักหน้า โดยงดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
7. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน(Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(lbuprofen) ประมาณ 2-3 วัน